สำหรับงาน สี epoxy หรือพื้นอีพ็อกซี่ประเภทงาน DIY สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ
- Epoxy Coating หรือ พื้นสีอีพ็อกซี่ชนิดทาด้วยลูกกลิ้ง
- Epoxy Self Leveling หรือ พื้นสีอีพ็อกซี่ชนิดให้เกรียงเกลี่ยและไหลปรับระดับได้
สำหรับในหัวข้อนี้ Admin จะขอกล่าวถึงขั้นตอนการทำพื้น สี epoxy ประเภท Epoxy Self Leveling (หัวข้อที่ 2) แต่สำหรับลูกค้าหรือผู้สนใจท่านใดสนใจเกี่ยวกับพื้นสีอีพ็อกซี่ประเภททา ก็สามารถศึกษาได้ที่ Click ที่ link ด้านล่างได้เลยครับ
สีอีพ็อกซี่ชนิดปาด : เทคนิค(ไม่) ลับของการเคลือบ สี epoxy Self Leveling บนพื้นปูนโรงงานอุตสาหกรรมที่ชาว pantip เห็นต้องอยากรีวิว
แน่นอนว่ามีลูกค้าหลายๆ ท่านที่มีความสนใจที่อยากจะทำพื้นสีอีพ็อกซี่ชนิดนี้และได้โทรสอบถามมาอย่างมาก ว่ามันทำยากไหมอยากทำเอง เห็นแล้วสวยมากสามารถทำเองได้ไหม แพงไหม วันนี้ Admin จึงถือโอกาสอธิบายวิธีการทำพื้นชนิดนี้เพื่อเป็นวิทยาทานสำหรับท่านที่มีความสนใจได้ศึกษากันครับ
งานสีอีพ็อกซี่แบบมีความหนาระดับมิลลิเมตรขึ้นไปนิยมใช้สีกลุ่มอีพ็อกซี่เชลเลเวลลิ่ง (Epoxy Self Leveling) สีกลุ่มนี้ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับกลุ่มลูกค้าที่เน้นให้พื้นมีความมันวาว ดูสะอาด และสามารถทำความได้ง่าย เช่น โชว์รูมรถ พื้นโรงงานที่เน้นความสวยงาม รวมถึงห้องผ่าตัดในโรงพยาบาล เป็นต้น สำหรับงานพื้นระบบนี้สามารถทำได้หลากหลายระบบด้วยกัน ขึ้นอยู่กับน้ำหนักที่วิ่งหรือบรรทุกไปมาอยู่บนพื้นที่ที่เราจะเคลือบสี
ยกตัวอย่างเช่น
- เป็นบริเวณที่ใช้งานเบาแค่คนเดินไปมาและมีแค่รถเข็นชนิดงานไม่หนักมากไม่เกิน 200 kg ก็จะนิยมทำระบบพื้นอีพ็อกซี่เซลเลเวลลิ่งความหนา 3.0 mm (Epoxy Self Leveling 3.0 mm)
- เป็นพื้นที่มีรถโฟล์กลิฟล์ วิ่งบรรทุกของน้ำหนักราวๆ 2-3 ตัน โดยมากจะนิยมทำระบบสีอีพ็อกซี่ 4.0 mm ขึ้นไป ( Epoxy Self Leveling 4.0 mm) หรือบางคนเรียกว่างานกลุ่ม Hi-loading เป็นต้น
- ถ้าจะเอาแบบง่ายๆ ก็ น้ำหนักที่หนักสุด + 1 จะเท่ากับความหนาสีครับ เช่น รถรวมของ 2 ตัน ก็จะเท่ากับ 3.0 mm ขึ้นไป (แนะนำระบบต่ำที่สุดของสีตระกูลปาดคือ 3.0 mm ขึ้นไปครับ สูตรของ Admin เองนะครับ
สำหรับในบทความนี้ Admin จะขออธิบายถึงวิธีการทำระบบงานพื้นสีอีพ็อกซี่เซลเลเวลลิ่งความหนา 3.0 mm ซึ่งเป็นระบบที่ได้รับความนิยมมากและไม่ยากจนเกินไป อีกทั้งระบบนี้ Admin เชื่อว่าเป็นระบบงานที่น่าจะตอบโจทย์ลูกค้าหลายๆ ท่านได้เป็นอย่างดี ทั้งเรื่องความคงทน การยึดเกาะที่ดี รวมถึงการมีระบบการบล็อกความชื้นในตัว (แน่นอนจริงๆ)
ปล. สำหรับระบบ 4.0 mm หรือระบบที่มากกว่า Admin จะขอกล่าวในโอกาสต่อไป (รอให้ปรับปรุงระบบขึ้นให้ทัน THAILAND 4.0 รับรองได้ศึกษากันแน่นอนครับ ) โม้อยู่ตั้งนาน ก็ขอเริ่มเลยละกันนะครับ ก่อนอื่นต้องมาดูรูปของชั้นสีอีพ็อกซี่ก่อน
แบบ Layer ของพื้น สีอีพ็อกซี่ ความหนา 3.0 mm
จากรูปจะเห็นได้ว่าระบบพื้นอีพ็อกซี่เซลเลเวลลิ่งความหนา 3.0 mm (Epoxy Self Leveling 3.0 mm) จะประกอบไปด้วยชั้นสี 3 ส่วนหลักๆ ดังนี้
- Moisture Barrier ความหนา 1.0 mm หรือรู้จักกันดีในนามสารบล็อกความชื้น (Product ของเราเรียกว่า Terrapac-100)
- Epoxy Putty ความหนา 0.5 mm หรือรู้จักกันในนามฟุ๊ตตี้ ถ้าใน Admin อธิบายง่ายๆ ก็คือ สารปรับพื้นให้เรียบและลดฟองอากาศนั้นเอง (Product ของเราเรียกว่า Epoxy Putty MSC)
- สีอีพ็อกซี่เซลเลเวลลิ่ง (Epoxy Self Leveling) ความหนา 1.5 mm หรือช่างบางคนเรียกสีเซลๆ อธิบายๆ ง่ายก็คือ สีทับหน้าแบบปาดนั้นเองครับ ชั้นนี้ละครับที่มันเงาๆ วาวๆ (Product ของเราเรียกว่า Epoxy Self Leveling MSC)
หลังจากเกริ่นมาได้พักใหญ่แล้วก็ขอยกตัวอย่างรูปหน้างานจริงจะได้เห็นภาพชัดเจนขึ้นครับ โจทย์คือลูกค้าต้องการเคลือบพื้น Epoxy Self Leveling 3.0 mm
ภาพตัวอย่างพื้นก่อนทำการติดตั้ง สี epoxy ชนิด Epoxy Self Leveling ความหนา 3.0 mm
จากรูปหน้างานเดิมจะเป็นพื้นกระเบื้องยางที่ชำรุดและมีคราบเชื้อรา สิ่งแรกที่ต้องทำคือปิดกันแนวพื้นที่ทำงาน และ การรื้อพื้นเดิมออกก่อน (รื้อกระเบื้องยางและพวกคราบสกปรกออก) เพราะถ้าเคลือบทับบนพื้นที่เสื่อมสภาพจะทำให้คุณภาพของพื้นใหม่เสื่อมสภาพได้ง่ายตามฐานรากที่ไม่ดี หลังจากได้ทำการรื้อและทำความสะอาดคราบเศษกระเบื้องยางออกหมดแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการขัดพื้นบริเวณที่ต้องการเคลือบสี สำหรับลูกค้าหรือผู้สนใจท่านใดเจอปัญหาเรื่องพื้นปูนที่แตกเป็นแนวหรือเป็นการทรุด Admin แนะนำให้ทำการซ่อมพื้นปูนให้เสร็จในขั้นตอนนี้ก่อน ซึ่งสามารถศึกษาแนวทางการซ่อมพื้นปูนเบื้องต้นจาก link ด้านล่างนี้
ขัดเปิดหน้าปูนและขัดผิวหน้าที่ขรุขระ
สำหรับในขั้นตอนนี้ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องขัดอย่าง Admin ก็ได้นะครับ แค่มีเครื่องเจียมือใส่ใบขัดเพชรหรือช่างบางคนเรียกใบเจียบัวก็ขัดได้เช่นกันครับ เมื่อทำการขัดพื้นเสร็จแล้วสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ การตัดพื้นให้เป็นตารางลักษณะคล้ายตารางหมากรุกขนาดประมาณ 50 x 50 cm และในบริเวณขอบจะเป็นการตัดเป็นแนวเฉียงเพื่อเพื่อการยึดเกาะของสีให้ดีขึ้น ตามรูป
การตัดพื้นและเก็บรายละเอียดจำพวกคราบสิ่งสกปรก
หลังจากเราขัดและตัดเตรียมพื้นเรียบร้อยแล้วก็ให้ทำความสะอาดพื้นด้วยการกวาดหรือดูดฝุ่นก่อนการเคลือบสีนะครับ ไม่งั้นชั้นสีที่ออกมาจะมีตำหนิพวกฝุ่นดังกล่าวและยังส่งผลต่อการยึดเกาะของสีด้วย ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการติดตั้งสีกันความชื้น ซึ่งก่อนที่จะมาดูขั้นตอนการทำ Admin ขอนำเสนอรูปภาพ Product ของบริษัทที่ใช้ในการอธิบายครั้งนี้ก่อน (แอบโฆษณา เดี๋ยวไม่มีงบในการพัฒนาเว็บ เดี๋ยวอดขึ้น THAILAND 4.0 )
สีกันชื้น Terrapac-100 กันความชื้นสำหรับงาน สี epoxy
สารกันความชื้น ราคา : xxxx บาท (โทร : 086-620-0042 , 061-859-0810)
สำหรับอัตราส่วนผสม (A= 3.0 kg, B= 1.5 kg, C= 20 kg, น้ำ 5 kg)
ขั้นตอนการผสมสีกันชื้น Terrapac-100
ขั้นตอนการผสมสีกันชื้น จะประกอบไปด้วยขั้นตอนหลักๆ ดังนี้
- นำถังสะอาดเทน้ำสะอาดใส่จำนวน 5 กิโลกรัม (ต้องไม่ใช้น้ำบาดาล น้ำรีไซเคิ้ล หรือน้ำ DI เพราะจะทำสีกันชื้นมีโอกาสไม่แห้งได้)
2. เท Part A และ Part B ผสมในน้ำจากนั้นปั่นให้เข้ากันด้วยสว่านปั่นสี
3.การปาดหรือการเกลี่ยเคมีกันชื้น
สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ในการติดตั้งขั้นตอนนี้จะเป็นการใช้เกรียงมือ ฟันร่อง 2 mm เกลี่ยให้สีมีการกระจายตัวเท่าๆกันทั่วทั้งพื้นที่
ขั้นตอนนี้ก็เป็นเพียงการเกลี่ยเฉลี่ยเท่านั้นครับ ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แต่มีข้อจำกัดอยู่ที่ว่าเราต้องเกลี่ยสีให้หมดหลังผสมภายในเวลาไม่เกิน 20 นาทีนะครับ ถ้าไม่อย่างนั้น สีจะเริ่มเซ็ตตัวและลอยบนน้ำทำให้การเกลี่ยทำได้ยากขึ้น หลังจากเกลี่ยเสร็จแล้วไปดูรูปกันครับ
สำหรับในขั้นตอนนี้สีกันชื้นจะแห้งตัวภายใน 12 ชั่วโมง หลังจากสีแห้งแข็งแล้วจะเป็นการขัดด้วยกระดาษทรายเบอร์ 100 บริเวณที่เป็นหยดสีหรือเป็นสันเกรียง (บริเวณที่ไม่เรียบ เป็นสัน) หลังจากขัดบริเวณดังกล่าวเสร็จแล้วให้ทำการปรับพุ๊ตตี้ (Epoxy Putty) สำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัทคือ Epoxy Putty MSC
สี Epoxy Putty MSC ปรับเรียบลดฟอง
สีอีพ็อกซี่พุ๊ตตี้ (Epoxy Putty MSC) ราคา : xxxx บาท (โทร : 086-620-0042 , 061-859-0810)
สำหรับอัตราส่วนผสม (A= 20.0 kg, B= 4.0 kg) แนะนำให้แบ่งผสมทีละไม่เกิน 2 kg ( A= 2.0 kg, B= 0.4 kg) ทั้งนี้เนื่องจากกรณีที่เราผสมเยอะเกินไปสีจะหนืดและเซ็ตตัวอย่างรวดเร็ว หลังผสมเสร็จจะเป็นการทำไปปาดโดยใช้เกรียงฟันเรียบ เกลี่ยไปบนชั้นของสีกันชื้นตามรูป
สำหรับสีชั้นนี้จะแห้งตัวภายใน 4-6 ชั่วโมง หลังจากสีแห้งแข็งตัวแล้วให้ทำการขัดด้วยกระดาษทรายเบอร์ 100 บริเวณที่เป็นรูอากาศและบริเวณที่มีหยดสีหรือสันที่ไม่เรียบ หลังจากนั้นให้ดูดฝุ่นหรือกวาดทำความสะอาดอีกครั้ง จากนั้นให้ทำการโป้วบริเวณที่มีรูอากาศ (โป้วเฉพาะจุด) สำหรับการโป้วเฉพาะจุดให้ผสมสีอีพ็อกซ๊่พุ๊ตตี้ตามอัตราส่วนผสมเดิม แล้วนำมาโป้วเฉพาะจุดครับ ตามรูป
สำหรับขั้นตอนนี้สีจะแห้งตัว 4-6 ชั่วโมง เทคนิคสำหรับขั้นตอนนี้คือ เราจะโป้วหรือปรับพุ๊ตตี้จนกว่าพื้นเราจะไม่มีรูและมีความเรียบมากจริงๆ ถึงผ่านและสามารถไปขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งจะทำให้หน้างานออกมาสวยและดูดีครับ พื้นจะสวยไม่สวยขั้นตอนนี้ค่อนข้างสำคัญครับ
หลังจากสีแห้งตัวแล้วก็มาถึงขั้นตอนสุดท้ายคือการทับหน้าด้วยสี Epoxy Self Leveling สำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัทคือ Epoxy Self Leveling MSC ตามรูปครับ
Epoxy Self Leveling MSC สีทับหน้าคุณภาพสูง
สีอีพ็อกซี่เซลเลเวลลิ่ง (Epoxy Self Leveling) ราคา : xxxx บาท (โทร : 086-620-0042 , 061-859-0810)
สำหรับอัตราส่วนผสม (A= 20.0 kg, B= 5.0 kg) เมื่อผสมเสร็จแล้วนำไปเกลี่ยบนพื้นที่เราได้ปรับชั้นสี putty ไว้แล้ว โดยใช้เกรียงฟันปลาขนาดฟันร่อง 3 mm จากนั้นให้กลิ้งลูกกลิ้งหนามไล่ฟองตามทันสีที่เกลี่ยเสร็จแล้ว เทคนิคสำหรับชั้นนี้คือ มีเวลาในการเกลี่ยและกลิ้งไล่ฟองไม่เกิน 20 นาทีหลังผสม ถ้ามากกว่านี้สีจะหนืดและจะไม่ไหล ทำให้อาจคงรูปรอยเกลี่ยหรือรอยกลิ้งได้ง่าย ตามรูปครับ
สำหรับสีชั้นนี้จะแห้งตัวภายใน 6-8 ชั่วโมงครับ
ภาพหลังติดตั้งสี Epoxy Self Leveling MSC แล้วเสร็จ
รูปผลงานหลังสีแห้งตัวที่ 8 ชั่วโมงครับ
สำหรับลูกค้าท่านใดที่มีข้อสงสัยหรือสนใจผลิตภัณฑ์ สามารถโทรสอบถามได้ที่ 086-620-0042 (โต) หรือ 061-859-0810 (เจ) ได้ตลอดครับ